Enjoy cooking
Browse through over
650,000 tasty recipes.

Custard Pumpkin สังขยาฟักทอง

สูตร(ไม่)ลับ:สังขยาฟักทอง 'ทำง่าย/ทุนน้อย/รายได้งาม' | เดลินิวส์

„สูตร(ไม่)ลับ:สังขยาฟักทอง 'ทำง่าย/ทุนน้อย/รายได้งาม' จริงๆ แล้ว คนในวัย 30 กว่าๆ จะรู้จักขนมชนิดนี้เป็นอย่างดี ส่วน “วัยรุ่น” อาจไม่ค่อยชอบกินเท่าไหร่ ร้านเค้ก ร้านเบเกอรี่ ก็ผุดขึ้นอย่างกับดอกเห็ด ทำให้ลดความนิยมของขนมไทยลงไปด้วย วัน ใครที่ออก “เจ” แล้ว คงกำลังมองหาของหวานอยู่แน่ๆ หันมาทางนี้เลย เพราะได้สูตรการทำ “สังขยาในลูกฟักทอง” หรือที่เรียกกันติดปากว่า “สังขยาฟักทอง” มาฝากคนรักขนมไทยแบบหมดเปลือกเลยทีเดียว รับรองว่าทำง่าย รายได้ดีใช่เล่น !!! จริงๆ แล้ว คนในวัย 30 กว่าๆ จะรู้จักขนมชนิดนี้เป็นอย่างดี ส่วน “วัยรุ่น” อาจไม่ค่อยชอบกินสักเท่าไหร่ แถมร้านเค้ก ร้านเบเกอรี่ ก็ผุดขึ้นอย่างกับดอกเห็ด ทำให้ลดความนิยมของขนมไทยลงไปด้วย แต่คงไม่ใช่กับหนุ่มวัย 22 ปี อย่าง “ธนาคาร ออมสิน” หรือ “น้องออโต้” ดีกรีนักวิชาการสาธารณสุข ที่ชื่นชอบการทำขนมไทยมาตั้งแต่เด็ก เล่าให้ฟังตั้งแต่การเลือกฟักทองว่า.... ฟักทองมี 2 อย่าง คือ “ฟักทองไทย” ผิวจะขรุขระ กับ “ฟักทองต่างประเทศ” ผิวจะเรียบ แต่ที่นิยมนำมาทำนั้น จะเป็นฟักทองไทยมากกว่า โดยให้สังเกตที่ก้นฟักทอง ใช้เล็บจิกลงไปเล็กน้อย เพื่อดูว่าฟักทองแก่ได้ที่...หรือยัง “จิกลงไปดูว่าลูกไหนแก่ หรืออ่อน ถ้าใช้เล็บจิกเข้า แสดงว่าอ่อน ซึ่งถ้าเอามาทำสังขยาก็ทำได้ แต่ความมันก็จะน้อย ทำขายคนซื้อก็จะติ แต่ถ้าใช้เล็บจิกไม่ลง แสดงว่าแก่ ให้ซื้อลูกนั้น ลูกละประมาณ 1 กิโลกรัม” ส่วนวิธีเลือก...ด้วยการดูจากสีของเปลือกฟักทอง ว่าเป็นสีเขียวหรือน้ำตาล หรือดูจากควั่นบริเวณก้านที่แห้ง อาจไม่ได้ฟักทองที่แก่ เพราะบางลูก...อาจถูกเก็บมาตั้งแต่ผลยังเขียว ไม่ได้เก็บตอนผลแก่ ซึ่งก็จะขาดความมัน เมื่อเลือกได้แล้ว ให้ทำความสะอาด ด้วยการใช้แปรงขนอ่อก แล้วนำมาคว้านเอาเมล็ดข้างในออก โดยการเจาะบริเวณก้านให้เป็นรูปสี่เหลี่ยม ความกว้างก็แล้วแต่ขนาดของลูกฟักทองว่าใหญ่หรือเล็ก 

สำหรับวัตถุดิบไม่ยุ่งยาก หาได้ตามท้องตลาด ได้แก่ 1.ไข่เป็ดและไข่ไก่อย่างละ 3 ใบ 2.น้ำตาลปีบ ควรเลือกสีเข้ม เนื้อสังขยาจะออกมาสีสวย และไม่ควรใช้น้ำตาลปีบเทียม เพราะสีจะอ่อนกว่า 3. กะทิ 1 ถ้วยตวง ได้มาจากมะพร้าวขูดขาว แต่ถ้าใช้กะทิกล่อง แนะนำปริมาณ 150 มิลลิกรัม 4.เกลือ 1 ช้อนชา 5.แป้งข้าวเจ้าหรือแป้งอเนกประสงค์ 1 ช้อนโต๊ะ 6.ใบเตย 5 ใบ “ตอกไข่ใส่ชามผสม หรือกะละมังก็ได้ ตามด้วยกะทิ เกลือ แป้งข้าวเจ้า แล้วใช้ใบเตยคั้นให้ทุกอย่างเข้ากันดี โดยเฉพาะน้ำตาลปีบ จากนั้นใช้ผ้าขาวบางกรอง 1 รอบ หรือจะใช้กระชอนตาถี่ก็ได้ แล้วเทลงไปในลูกฝักทอง แล้วนำไปนึ่งประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ตามแต่ว่าลูกเล็กลูกใหญ่” เมื่อผ่านไป 1 ชั่วโมงครึ่ง ลองเช็คดูว่า...สุกได้ที่หรือยัง โดยให้ใช้ไม้จิ้มลูกชิ้น เสียบลงไปตรงกลาง ทิ้งไว้สักครู่ หากเนื้อสังขยายังเป็นน้ำติดไม้ลูกชิ้นขึ้นมา แสดงว่า “ยังไม่สุก” ให้รออีกประมาณ 10-20 นาที ก็จะสุกพอดี “ธนาคาร ออมสิน” ยังบอกอีกว่า ช่วงเวลาเพียงแค่ประมาณ 4 ชั่วโมง ตั้งแต่รุ่งเช้ามืด 04.50 น. ไปจนถึงเวลา 08.00 น. สามารถขายขนมหมด ลูกหนึ่งขายอยู่ที่ประมาณ 80-120 ขึ้นอยู่กับขนาดของฟักทอง ซึ่งการแบ่งขายเป็นชิ้นจะได้กำไรมากกว่าเป็นลูก บอกเลยว่า...ยุคสมัยนี้ ต้องใช้โซเชียลมีเดียให้เป็นประโยค ไม่ต้องไปสร้างแฟนเพจให้ยุ่งยาก โพสต์รูปขนมไทยต่างๆ ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว สร้างช่องทางการขายและทำให้มีลูกค้าออนไลน์เข้ามาได้อีกช่องทางหนึ่ง เผื่อใครคิดอยากจะมีอาชีพเสริม พอมีเวลาว่างเสาร์-อาทิตย์ สามารถสร้างรายได้ตกเดือนละ 3-4 พันบาท 

เคล็ด (ไม่) ลับ 1.การคว้านเอาเส้นใยด้านในของลูกฟักทองออกให้หมด และการใช้ผ้าขาวบางกรองน้ำสังขยา จะได้เนื้อสังขยาที่เนียนสวย เหมาะสำหรับการนำไปจำหน่าย 2.ใส่แป้งข้าวเจ้า เพื่อต้องการให้เนื้อสังขยามีความคงตัว ไม่เละเหมือนวุ้น 3.เทน้ำสังขยาลงไปในลูกฟักทอง 3 ส่วน 4 ของลูก หรือประมาณ 2 นิ้ว นับจากขอบปาก ป้องกันลูกฟักทองแตกขณะกำลังนึ่ง 4.ก่อนนึ่งควรหาชามหรือภาชนะรองก้นฟักทอง เพราะความร้อนจะระอุจากด้านนอกเข้าไปด้านในลูกฟักทอง ซึ่งจะทำให้ฟักทองแตกได้ หากไม่มีชามรองรับ 5.เมื่อนึ่งเสร็จ ควรนำออกจากเตา แต่ไม่ควรฝ่าออกเป็นชิ้นทันที ควรพักไว้ 1 ชั่วโมง แล้วนำเข้าใส่ตู้เย็น
อ่านต่อที่: http://www.dailynews.co.th/article/356297
SHARE

About Hill Singhoner